วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556
วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556
ชนิดหน่วยความาจำสำรอง แบบต่างๆ
โดยปกติแล้วหน่วยความจำโดยทั่วไปจะถูกแบ่งออกเป็นสองพวกใหญ่ ๆ คือ หน่วยความจำแบบหน่วยเก็บลบเลือนได้ (volatile storage) และหน่วยความจำประเภทหน่วยเก็บลบเลือนไม่ได้ (nonvolatile storage) หน่วยความจำประเภทหน่วยเก็บลบเลือนได้เป็นหน่วยความจำที่รักษาข้อมูลได้เฉพาะเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเท่านั้นไหลเวียนอยู่ ตัวอย่างเช่น หน่วยความจำหลัก (main memory) เท่านั้น
หน่วยความจำประเภทหน่วยเก็บลบเลือนไม่ได้คือ หน่วยความจำที่สามารถรักษาข้อมูลได้อย่างถาวรแม้เมื่อไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ตัวอย่างเช่น หน่วยความจำสำรองและหน่วยความจำหลักบางประเภท หน่วยความจำหลักที่ที่ใช้ในปัจจุบันมี 2 ประเภท คือ หน่วยความจำหลักประเภทแรม (Random Access Memory, RAM) และหน่วยความจำหลักประเภทรอม (Read Only Memory, ROM)
1.1 หน่วยความจำประเภทแรม เป็นหน่วยความจำหลักประเภทที่สามารถเข้าถึงคำสั่งและข้อมูลโดยตรงได้ แรมเป็นหน่วยความจำที่สามารถที่จะอ่านหรือเขียนข้อมูลและคำสั่งลงไปได้หลายครั้ง แรมแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ ไดนามิกแรม (dynamic RAM) และสแตติกแรม (static RAM)
1) ไดนามิกแรม คือหน่วยความจำหลักที่ต้องการกระแสไฟฟ้าไหลผ่านในขณะเก็บข้อมูล ไดนามิกแรมจะถูกนำมาสร้างเป็นหน่วยความจำหลักของคอมพิวเตอร์ทุกระบบ ไดนามิกแรมจะมีความแตกต่างกัน บางชนิดมีความเร็วกว่าอีกชนิดหนึ่ง การวัดความเร็วของไดนามิกแรมจะวัดกันด้วยความสามารถในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างตัวมันกับหน่วยต่าง ๆ มีหน่วยเป็นวินาที (nanoseconds) ยังมีความเร็วในการส่งผ่านมากเท่าไดนามิกแรมชนิดนั้นก็ยิ่งมีราคาสูงขึ้นมากเท่านั้น ไดนามิกแรมที่มีความเร็วมากจะเรียกว่าหน่วยความจำแคช (cash memory) มีราคาสูงมากกว่าไดนามิกแรมทั่วไป ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จะใช้หน่วยความจำแคชเป็นส่วนประกอบร่วมกับไดนามิกแรม
2)สแตติกแรม เป็นหน่วยความจำหลักที่ต้องการแบตเตอรี่เลี้ยงอยู่ตลอดเวลา ทำให้แรมชนิดนี้สามารถเก็บข้อมูลได้ตลอดไปตราบที่ยังมีแบตเตอรี่เลี้ยงอยู่ สแตติกแรมจะมีขนาดน้อยกว่าไดนามิกแรมโดยปกติ จะถูกใช้เพื่อเก็บโปรแกรมและข้อมูลบางอย่างที่จำเป็นต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ แม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกปิดแล้วก็ตาม
1.2 หน่วยความจำหลักชนิดรอม หน่วยความจำชนิดรอมเป็นหน่วยความจำประเภทแบบลบเลือนไม่ได้ สามารถเก็บข้อมูลได้ตลอดไปแม้จะปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว หน่วยความจำชนิดรอมเป็นหน่วยความจำที่อ่านข้อมูลออกมาใช้ได้อย่างเดียว แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลที่เก็บอยู่ในรอมได้ หน่วยความจำรอมจะถูกสร้างโดยบริษัทผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้เก็บโปรแกรมที่จำเป็นต่อการใช้งานคอมพิวเตอร์เอาไว้อย่างถาวร และไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง เช่น โปรแกรมที่ใช้ในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อเราทำการเปิดเครื่อง หรือโปรแกรมที่ใช้ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ที่อยู่ในรถยนต์หรือโปรแกรมเล่นเกมต่าง ๆ เป็นต้น รอมยังถูกแบ่งออกเป็นหลายชนิดได้แก่พรอม (Programmable ROM, PROM) อีพรอม (Erasable PROM,EPROM) และอีอีพรอม (Electrically Erasable PROM, EEPROM)
- หน่วยความจำหลักชนิดพรอม เนื่องจากรอมถูกผลิตโดยบริษัทผู้ที่ผลิตรอมโดยเฉพาะ การสั่งซื้อรอมจะใช้เวลานาน และเมื่อผลิตออกมาแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ทำให้ต่อมาได้มีการผลิตชิปของรอมให้สามารถนำมาบันทึกข้อมูลได้โดยบริษัทผู้ที่ใช้ภาษานั้นเรียกว่าพรอม โดยที่ตอนแรกของรอมจะเท่าและเมื่อทำการนำโปรแกรมหรือข้อมูลเข้าไปเก็บในพรอมโดยเครื่องมือที่เขียนโปรแกรมพิเศษแล้ว จะไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้
- หน่วยความจำหลักชนิดอีพรอม เป็นรอมที่ได้ถูกพัฒนาให้สามารถทั้งอ่านและเขียนข้อมูลไปใหม่ได้หลายครั้งและเรียกรอมชนิดนี้ว่าอีพรอมกล่าวคือ สามารถที่จะนำโปรแกรมเข้าไปในในชิปของอีพรอมได้ และสามารถที่จะลบโปรแกรมหรือข้อมูลแล้วเขียนเข้าไปใหม่ได้โดยเครื่องมือที่เขียนโปรแกรมพิเศษที่ใช้แสงอุลตร้าไวโอเลต การใช้อีพรอมจะประหยัดมากกว่ารอมชนิดอื่น เพราะสามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้
- หน่วยความจำหลักชนิดอีพรอมเป็นหน่วยความจำหลักเหมือนกับอีพรอมแต่จะต่างกันตรงที่สามารถจะเขียนโปรแกรมใหม่ลงในอีพรอมได้ง่ายกว่าโดยใช้กระแสไฟฟ้าธรรมดาที่มีโปรแกรมใหม่ลงในอีพรอมได้ง่ายกว่า โดยใช้กระแสไฟฟ้าธรรมดาที่มีโปรแกรมเป็นตัวควบคุมโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น แสงอุลตร้าไวโอเลตเหมือนกับอีพรอม อีอีพรอมจะต่างกับหน่วยความจำประเภทแรมอีกประการหนึ่งคือ การเขียนและการลบข้อมูลบนอีอีพรอมจะใช้เวลามากกว่าแรมหลายเท่า ทำให้อีอีพรอมมีใช้มากกับงานที่ไม่ต้องการแก้ไขข้อมูลบ่อยครั้งนัก และเมื่อต้องการแก้ไขข้อมูลก็สามารถทำได้ บวกกับข้อมูลที่เก็บอยู่ในอีอีพรอมยังคงอยู่เมื่อทำการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว และความเร็วของอีอีพรอมมีความใกล้เคียงกับแรมมาก อีอีพรอมจึงถูกใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ตามห้างสรรพสินค้าที่เก็บรายละเอียดราคาของสินค้า ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าได้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง
ที่มาเว็บไซต์ http://www.sirikitdam.egat.com/WEB_MIS/103_116/11.html
ที่มารูปภาพ
หน่วยความาจำสำรอง

หน่วยความจำรอง ( Secondary Storage ) หมายถึง หน่วยที่ใช้สำหรับเก็บบันทึก (Save) คำสั่งและข้อมูลเอาไว้อย่างถาวรเพื่อใช้งานในอนาคต หรือเพื่อนำส่งและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้อื่น โดยที่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เก็บได้ตลอดเวลา ฮาร์ดแวร์ทีทำหน้าที่ในหน่วยความจำสำรองที่ใช้ในปัจจุบันมีหลายประเภท เช่น ฮาร์ดดิสก์ แผ่นดิสเกตต์ แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี และยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติและข้อดีข้อเสียในการเก็บข้อมูลต่างกัน
ที่มาเว็บไซต์ http://www.thaigoodview.com/library/contest2553/type1/tech03/16/Secondary-Storage.htm
ที่มารูปภาพ https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhUoRPmiY6yN-xIYWzmxq40UdhIJUcTNqYTrQX49M6Q78D4WXMXb28Ii7UWC72O56aFGfFaoLSS91fbXBnwEa_-edkB6lUExyKrYO7fXc4tO8X3HKdOeN-ypVuf4pJdPS4Gg9L4zdoKAzQL/s320/help00088.jpg
Serial Port

Serial port เป็นส่วนที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกของคอมพิวเตอร์ เช่น modem mouse keyboard เป็นต้น โดยรูปแบบการสื่อสารของพอร์ทชนิดนี้นั้นจะเป็นการส่งข้อมูลแบบทีละบิต บนมาตรฐานการส่งข้อมูลแบบ RS-232 ซึ่งจะต่างจาก parallel port (ที่จะมีการส่งข้อมูลพร้อมๆ กันทีละหลายๆ บิต) โดยความเร็วของการส่งข้อมูลแบบนี้ จะขึ้นอยู่กับความถี่ที่เลือกใช้ในการส่งข้อมูล
ที่มาเว็บไซต์ http://jaserialport01.blogspot.com/
ที่มารูปภาพ http://www.brr.ac.th/oldweb/knowledge/hardware/element/port/images/main-port.jpg
Port HDMI

จริงๆ แล้ว มันก็คือ DVI ที่แปลงรูปนั่นเองแหละค่ะ แต่มันก็ไม่ได้แปลงรูปอย่างเดียว เพราะมันได้ตัดส่วน analog ออกไป (ทำให้ไม่มี HDMI-to-VGA adapter นั่นเอง) และได้เพิ่มส่วนของ audio หรือเสียงเข้ามา ทำให้สายเส้นเดียวส่งได้ทั้งสัญญาณภาพและเสียง
การทดลองใช้ HDMI-to-DVI adapter เพื่อเอาไปต่อจอที่รับ DVI input ถ้าอ่านข้างบนแล้วไม่งง ก็คงจะเข้าใจได้ว่า การต่อแบบนี้ มันไม่ทำให้คุณภาพของภาพลดลงเลย (เพราะ HDMI คือ DVI นั่นเอง สัญญาณเหมือนกัน) เพียงแต่ไม่สามารถส่งเสียงออกไปด้วย ทำให้ต้องเพิ่มสาย audio จากคอมไปที่จออีก 1 เส้น
ที่มาเว็บไซต์ http://www.addin.co.th/show_tip.asp?id=17
ที่มารูปภาพ http://www.addin.co.th/wboard/product/Tip/hdmi.jpg
VGA Port

สำหรับการส่งสัญญาณภาพในคอมพิวเตอร์ หลายๆ คนคงคุ้นเคยกับพอร์ตที่เรียกว่า VGA หรือที่มีชื่อจริงๆ ว่า D-SUB (DE-15 มี 15 ขา) หรือสำหรับเครื่องศาสดา ก็อาจจะเห็นเป็นหน้าตาแปลกๆ หน่อย เพราะใช้เป็น mini-VGA
สัญญาณที่ส่งออกมาจากพอร์ตนี้ ก็คือสัญญาณภาพ ที่ส่งจากคอมพิวเตอร์ไปยังจอภาพนั่นเอง โดยมีการใช้งานมานานแสนนาน ซักยี่สิบปีได้ ซึ่งได้นำเอามาแทน DE-9 ที่ใช้กันในจอโมโนโครม และจอสีในยุคแรกๆ โดยในจำนวน 15 ขาของ VGA นั้น มีขาที่จำเป็นเพียง 5 ขา คือสำหรับส่งสี 3 สี และสัญญาณบอกตำแหน่งแนวตั้งและแนวนอน ส่วนขาอื่นๆ นั้น จะเป็นกราวน์ (รวมถึงขา signal return) และขาสัญญาณสำหรับการสื่อสาร นั่นแปลว่า จอภาพ และคอมพิวเตอร์มันคุยกันได้ด้วย! ถ้าสงสัยว่ามันคุยอะไรกัน พื้นฐานเลย ก็จะเป็นพวกการตั้งค่าต่างๆ เช่นใน Windows มันก็จะสามารถบอกเราได้ว่า จอที่ต่ออยู่นั้นยี่ห้ออะไร รุ่นอะไร และสนับสนุนการแสดงผลที่ความละเอียดไหนบ้าง
สัญญาณภาพ 3 สี ที่ส่งไปที่จอภาพนั้น เป็นสัญญาณแบบ analog ซึ่งก็คือ ความสว่างของสีแต่ละจุด จะควบคุมโดยความต่างศักย์ไฟฟ้า เช่น ถ้ากำหนดไว้ว่า 0.7V เท่ากับความสว่างสูงสุด 0V คือต่ำสุด ค่าระหว่าง 0 ถึง 0.7 ก็คือระดับสีต่างๆ นั่นเอง เมื่อรวมกันทั้งสามเส้น ก็จะได้สีที่แตกต่างกันมากมาย แต่วิธีนี้มันก็มีปัญหาคือ เมื่อเราใช้ความละเอียดสูงขึ้น มันก็ต้องส่งข้อมูลด้วยความถี่ที่มากขึ้น แล้วสัญญาณ analog มันก็ง่ายต่อการถูกรบกวน เพราะความต่างศักย์ที่ต่างกันเพียงไม่มากก็ทำให้สีเพี้ยนไปได้แล้ว นอกจากนี้ตัวสัญญาณสีของแต่ละพิกเซลก็ไม่มีความแน่นอนมากด้วย (หมายถึง มันไม่มี pixel timing)
ที่มาเว็บไซต์ http://www.addin.co.th/show_tip.asp?id=17
ที่มารูปภาพ http://www.addin.co.th/wboard/product/Tip/vga.jpg
วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556
Port Fire Wire

เทคโนโลยีสำหรับการส่งผ่านข้อมูลด้านมัลติมีเดียขนาดใหญ่ มาตรฐาน IEEE 1394 หรือที่เรียกว่า FireWire ด้วยความเร็ว 400 เมกะบิตต่อวินาที ส่งผลให้การติดต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สแกนเนอร์ กล้องดิจิตอล การ์ดเสียง ทำงานได้อย่างรวดเร็ว FireWire มีลักษณะการทำงานคล้ายกับ USB เพียงแต่ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานกับอุปกรณ์ทางด้านมัลติมีเดียมากกว่า เนื่องจาก USB เหมาะกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับอินพุต เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด เป็นต้น (USB มีความเร็วน้อยกว่า FireWire) FireWire สามารถต่อพ่วงอุปกรณ์ได้ 67 ชิ้น และสนับสนุนการทำงานแบบ Hot plug คือสามารถต่อแล้วใช้งานได้เลยทันที เป็นที่นิยมในการใช้กับการ์ดบันทึกเสียงแบบ Firewire เพราะการทำงานที่รวดเร็วและมีเสถียรภาพที่ดีกว่า USB
ที่มาเว็บไซต์ http://www.music2home.com/article.aspx?id=9
ที่มารูปภาพ http://www.music2home.com/images/stock/IEEE1394.jpg
Port Digital Camera,Port Digital Video,Port Digital Audio

Camera Connection kit อัพเดทที่สุดของอุปกรณ์ราคาประหยัดเชื่อมต่อการ์ดภายนอกกับ iTAllNews.com มาแล้วครับของเล่นชิ้นใหม่สำหรับสาวกแอปเปิ้ล 3 in 1 Camera Connection for Lightning Port สำหรับการเชื่อมต่อ SD-Card , Micro-SD และเชื่อมต่อ iPhone, iPod, Keyboard เข้ากับ iPad mini และ iPad 4 With Retina Display
ที่มาเว็บไซต์ http://www.itallnews.com/all/review-3in1-camera-connection-kit-for-lightning-port-%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-ipad-4-ipad-mini-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A-sd-card-micro-sd/
ที่มารูปภาพ http://www.itallnews.com/wp-content/uploads/2013/01/Review-Camera-Connection-Kit-for-iPad4-iPad-mini1.jpg
PS/2 Mouse, PS/2 Keyboard Port

เป็นพอร์ต์ที่ใช้สำหรับต่อสายเม้าส์กับสายคีย์บอร์ดเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเรียกว่าพีเอสทูเม้าส์หรือพีเอสทูคีย์บอร์ด ซึ่งพอร์ตจะมีรูกลมหกรู แล้วก็รูสี่เหลี่ยมหนึ่งรู ซึ่งปลายสายคีย์บอร์ดหรือเม้าส์ก็จะมีเข็มที่ตรงกับตำแหน่งของรูที่พอร์ตด้วย การเสียบสายเม้าส์และคีย์บอร์ดเข้าไป ต้องระวังให้เข็มตรงกับรู สำหรับพอร์ตเม้าส์และคีย์บอร์ดนั้นจะใช้ Color Key แสดงเอาไว้ สีเขียวคือต่อสายเม้าส์ ส่วนสีน้ำเงินต่อสายคีย์บอร์ด นอกจากนี้ยังมีจุดสังเกตุอีกประการหนึ่งก็คือ เมื่อประกอบเมนบอร์ดเข้ากับเคส ที่เคสจะมีสัญลักษณ์รูปเม้าส์กับรูปคีย์บอร์ด ติดอยู่ เพื่อให้ต่อสายเม้าส์และคีย์บอร์ดได้ถูกต้อง
ที่มาเว็บไซต์ http://www.zabzaa.com/hardware/ps2_port.htm
ที่มารูปภาพ http://www.zabzaa.com/hardware/images/ps2.jpg
Port Scanner
Port Scanning เป็นหนึ่งในเทคนิคที่โด่งดังที่สุดที่ผู้โจมตีใช้ในการค้นหาบริการที่พวกเขาจะสามารถเจาะผ่านเข้าไปยังระบบได้ โดยปกติแล้วทุก ๆ ระบบที่ต่อเข้าสู่ระบบ LAN หรือระบบอินเทอร์เน็ตจะเปิดบริการทั้งที่อยู่บนพอร์ตที่เป็นที่รู้จักและที่ไม่เป็นที่รู้จัก สำหรับการทำ Port Scanning นั้น ผู้โจมตีจะสามารถค้นหาข้อมูลได้มากมายจากระบบของเป้าหมาย ได้แก่ บริการอะไรบ้างที่กำลังรันอยู่ ผู้ใช้คนไหนเป็นเจ้าของบริการเหล่านั้น สนับสนุนการล็อกอินด้วย anonymous หรือไม่ และบริการด้านเครือข่ายมีการทำ authentication หรือไม่ การทำ Port Scanning ทำได้โดยการส่งข้อความหนึ่งไปยังแต่ละพอร์ต ณ เวลาหนึ่ง ๆ ผลลัพธ์ที่ตอบสนองออกมาจะแสดงให้เห็นว่าพอร์ตนั้น ๆ ถูกใช้อยู่หรือไม ่และสามารถทดสอบดูเพื่อหาจุดอ่อนต่อไปได้หรือไม่ Port Scanners มีความสำคัญต่อผู้ชำนาญด้านความปลอดภัยของเครือข่ายมากเพราะว่ามันสามารถเปิดเผยจุดอ่อนด้านความปลอดภัยที่มีความเป็นไปได้ของระบบเป้าหมาย
ที่มาเว็บไซต์ http://www.compspot.net/index.php?option=com_content&task=view&id=329&Itemid=46
ที่มาเว็บไซต์ http://www.compspot.net/index.php?option=com_content&task=view&id=329&Itemid=46
วิวัฒนาการ Port USB

USB ย่อมาจาก Universal Serial Bus ถูกวางโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้นำทางด้านอุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็คทรอนิคส์ และคอมพิวเตอร์ ช่วยกันวางมาตรฐาน โดยในยุคเริ่มแรกนั้น ก็มี COMPAQ, IBM, DEC, Intel, Microsoft, NEC และ Northern Telecom มาตรฐานของ USB นั้น ออกสู่สาธารณะชนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ปี พ.ศ.2537 ด้วย Revision 0.7 และได้ปรับปรุงแก้ไขเรื่อยมา จนกระทั่ง เมื่อ วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ออกมาเป็น Revision 1.0 (USB1.0)ได้สำเร็จและยังได้ปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ จนเมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2541 ได้เป็น Revision 1.1 (USB 1.1)
แต่ความเร็วของ USB ในขณะนั้น ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ดังนั้นทางกลุ่มผู้พัฒนา หรือ USB-IF (USB Implementers Forum, Inc.) ได้ร่างมาตรฐาน USB รุ่นใหม่ และได้ข้อสรุป เป็นมาตรฐานที่แน่นอน คือ USB 2.0 ในเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2543 สำหรับความเร็วในการ รับ-ส่ง ข้อมูลนั้น USB1.1 จะมีความเร็วอยู่ที่ 12 Mbps ส่วน USB 2.0 นั้น รองรับระดับการรับส่งข้อมูลได้ถึง 3 ระดับ คือ
- ความเร็ว 1.5 Mbps (Low Speed) สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลคราวละมากๆ
- ความเร็ว 12 Mbps (Full Speed) สำหรับการเชื่อมต่อกับ USB 1.1
- ความเร็ว 480 Mbps (Hi-Speed) สำหรับการเชื่อมต่อกับ USB 2.0 ด้วยกัน
ที่มาเว็บไซต์ http://eaermut.blogspot.com/2008/10/usb.html
ที่มารูปภาพ http://www.vcharkarn.com/uploads/59/59246.jpg
Port Input,Port Output

พอร์ต มี
กับอุปกรณ์
เลอร์เป็น
ส่ง
แบบ
อนุกรม (Serial port) ซึ่ง
พอร์ตแบบ
ที่มาเว็บไซต์ http://www.cpe.ku.ac.th/~yuen/204471/micro/mcs51/8051_5.html
ที่มารูปภาพ http://www.cpe.ku.ac.th/~yuen/204471/micro/mcs51/Nong1.jpg
Control Port

Control Panel (คอนโทรลพาเนล) หมายถึงระบบหน้าจอสำหรับควบคุม ซึ่งในกรณีของ Hosting นั้น ก็จะเป็นระบบที่ใช้งานเพื่อควบคุมส่วนต่าง ๆ ของพื้นที่ Hosting ที่เราใช้บริการอยู่ โดย Control Panel ที่ทาง Naxza Web Hosting เลือกใช้งานนั้นจะเป็น Control Panel ชือว่า DirectAdmin ซึ่งจะทำงานผ่าน Port 2222 ตรงนี้เองที่ทางท่านลูกค้าบางท่านอาจจะประสบปัญหาในการใช้งาน ซึ่ง Internet หรือ Network ขององค์กรอาจจะมีการ Block Port 2222 เอาไว้ วิธีการแก้ไขอาจจะต้องแจ้งทางผู้ดูแลระบบ Network ให้ทำการ Allow Port หรือเปิด Port 2222
Control Panel Hosting สามารถที่จะทำการแก้ไขรหัสผ่านต่าง ๆ เช่นรหัสผ่านของการเข้าระบบ Control Panel โดยครั้งแรกทางเราจะจัดส่ง User และ Password ให้ จากนั้นทางลูกค้าจะสามารถ Login ผ่านเข้าระบบ Control Panel Hosting ได้ และสามารถแก้ไขรหัสผ่านได้เอง ไม่ว่าจะเป็นรหัสผ่านในส่วนของ E-mail Account ต่าง ๆ รวมถึงสามารถเพิ่มเติมชื่อ E-mail Account ได้ไม่จำกัด สามารถกำหนดปริมาณการใช้งานของแต่ละ E-mail Account ได้ สามารถกำหนด User และ Password ของ FTP เพื่อใช้ในการ upload และ download ข้อมูลต่าง ๆ สามารถจัดการฐานข้อมูล MySQL ผ่านโปรแกรม PhpMyAdmin ได้ สามารถสร้างเงื่อนไขการกรอง Spam Mail หรือ Anti Spam Mail Filtering ได้ด้วยตัวเอง
ที่มาเว็บไซต์ http://www.naxza.com/what-is-control-panel.hosting
ที่มารูปภาพ http://thaimicrotech.files.wordpress.com/2010/07/uln2003-control-stepper-motor-by-parallel-port.jpg
โครงสร้าง Port

การที่จะให้ไมโครคอนโทรลเลอร์ติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้ เช่นการรับข้อมูลจากอุปกรณ์ภายนอก (INPUT)หรือการส่งข้อมูลให้กับอุปกรณ์ภายนอก (OUTPUT) ก็จะต้องติดต่อผ่านพอร์ต (PORT) หรืออาจกล่าวได้ว่าพอร์ตคือช่องทางสำหรับการโอนย้ายข้อมูลระหว่งไมโครคอนโทรลเลอร์กับอุปกรณ์ภายนอกนั้นเอง
ที่มาเว็บไชต์ http://adisak-diy.com/page28.html
ที่มารูปภาพ http://adisak-diy.com/data/port01.jpg
วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556
การออกแบบ Microprocessor 64 bit ใน PC
Merced (chip-64-bit microprocessor)
|
Merced เป็นชื่อรหัส ของไมโครโพรเซสเซอร์ 64 บิต จาก Intel ที่จะเริ่มปรากฏใน เวิร์กสเตชัน และเครื่องแม่ข่ายระดับ enterprise ในไม่กี่ปีข้างหน้า โดยรุ่นแรกของ Intel คือ 1A –64 โดยมี bandwidth ของ I/O ที่ใหญ่ขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไมโครโพรเซสเซอร์ 32 บิต ทำให้มีความสามารถ และเป็นไปได้ในการติดต่อแบบ dynamic กับภาพเสมือนของแบบจำลองแบบอ๊อบเจค
Microsoft กำลังทำงานกับเวอร์ชันใหม่ของ Windows NT ในการใช้ Merced ส่วน Siemans-Nixdof และ Hewlett-Packard เป็นผู้ผลิตที่กำลังวางแผนเวิร์กสเตชัน ที่ใช้ในไมโครโพรเซสเซอร์ Merced เนื่องจากโพรเซสเซอร์ 64 บิต สัญญาที่จะเพิ่มความสามารถของคอมพิวเตอร์ จะทำให้การประยุกต์ใหม่ ของงานศิลปะดิจิตอล และวิศวกรรม จะทำให้การตอบสนองเป็นแบบ real-time และการทำงานแบบกลุ่มบนเว็บ สำหรับการออกแบบงานศิลป์และวิศวกรรม การคำนวณเสมือน จะทำให้บริษัทที่ใช้ฐานข้อมูลแบบดั้งเดิมสามารถแปลง หรือหาการประยุกต์ในการดูข้อมูล และความสัมพันธ์ของข้อมูล เชิงกราฟฟิก
ที่มารูปภาพ https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSK_S78Iwx9LcNVPLbRDZ5EDJMfCjFCl4FeF1eYEkFLLNPyIgeJ
|
Microcontroller คืออะไร
ไมโครคอนโทรลเลอร์ (อังกฤษ: microcontroller มักย่อว่า µC, uC หรือ MCU) คือ อุปกรณ์ควบคุมขนาดเล็ก ซึ่งบรรจุความสามารถที่คล้ายคลึงกับระบบคอมพิวเตอร์ โดยในไมโครคอนโทรลเลอร์ได้รวมเอาซีพียู, หน่วยความจำ และพอร์ต ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญของระบบคอมพิวเตอร์เข้าไว้ด้วยกัน โดยทำการบรรจุเข้าไว้ในตัวถังเดียวกัน
ที่มาเว็บไซต์ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C
ที่มารูปภาพ http://www.duinothumb.com/_/rsrc/1246853184345/articles/intromicrocontroller/microcontroller_architectur.gif
ประวัติ intel/amd/apple a4
อินเทล (Intel) เป็นบริษัทผลิตชิพสารกึ่งตัวนำที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อวัดจากรายได้ บริษัทอินเทลเป็นผู้คิดค้นไมโครโพรเซสเซอร์ตระกูลx86 ออกมาวางจำหน่าย ซึ่งเป็นไมโครโปรเซสเซอร์ที่ใช้กันมากที่สุดในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล อินเทลก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1968 ในชื่อ Integrated Electronics Corporation โดยมีสำนักงานอยู่ที่ซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา อินเทลยังเป็นผู้ผลิตชิพเซตของเมนบอร์ด, เน็ตเวิร์คการ์ดและแผงวงจรรวม, แฟลชเมโมรี, ชิพกราฟิค, โปรเซสเซอร์ของระบบฝังตัว ตลอดจนอุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร
อินเทลก่อตั้งขึ้นโดย กอร์ดอน มัวร์ (Gordon Moore) และโรเบิร์ต นอยซ์ (Robert Noyce) ผู้เชี่ยวชาญด้านสารกึ่งตัวนำ โดยเป็นอดีตพนักงานของ Fairchild Semiconductor พนักงานยุคแรกเริ่มที่สำคัญอีกคนของอินเทลคือ แอนดรูว์ โกรฟ ซึ่งในภายหลังเป็นผู้บริหารคนสำคัญ ที่ทำให้อินเทลก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทระดับโลกในปัจจุบัน
แต่เดิมนั้น ชื่อของอินเทลจะเป็นที่รู้จักเฉพาะในหมู่วิศวกรและนักเทคโนโลยีเท่านั้น แต่หลังจากที่โฆษณา อินเทล อินไซด์ ประสบผลสำเร็จอย่างกว้างขวางในช่วงทศวรรษ 1990 ชื่อของอินเทลก็กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในทันที โดยมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักคือ หน่วยประมวลผลกลางตระกูลเพนเทียม (Pentium)
แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์, Inc. หรือ เอเอ็มดี เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งเมื่อ ปี ค.ศ. 1969 โดยพนักงานเก่าจากบริษัท Fairchild Semiconductor โดย เอเอ็มดี ผลิตสินค้าเกี่ยวกับ เซมิคอนดัคเตอร์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเป็นผู้พัฒนา ซีพียู และเทคโนโลยีต่างๆ ออกสู่ตลาด และ ผู้ใช่ทั่วไป.โดยที่สินค้าหลักของบริษัทคือ ไมโครโพรเซสเซอร์,เมนบอร์ดชิปเซ็ต,การ์ดแสดงผล,ระบบฟังตัว สำหรับคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์,คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และ ระบบฝังตัวต่าง โดยที่ผลิตภัณฑ์ของเอเอ็มดีที่เป็นที่รู้จักได้แก่ไมโครโพรเซสเซอร์ตระกูล APU,Phenom II,Athlon II, Sempron, บนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล, APU Mobile ในคอมพิวเตอร์แบบพกพา,Opteron สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และชิปกราฟิก Readeon เอเอ็มดี เป็นผู้ผลิตอันดับ 2 ในตลาดของไมโครโพรเซสเซอร์ ที่มีพื้นฐานอยู่บน x86 อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิปกราฟิกการ์ดรายใหญ่ของโลก และ ยังผลิตหน่วยความจำแบบแฟลช โดยในปี 2010 เอเอ็มดี เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ อันดับที่ 12 ของโลก
เอเอ็มดีนับเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอินเทลในตลาดไมโครโพรเซสเซอร์ และมีคดีความฟ้องร้องกันอยู่ในหลายประเทศ เรื่องอินเทลผูกขาดการค้า ปัจจุบันได้ทำการยอมความกันไปแล้ว
แอปเปิล (อังกฤษ: Apple Inc.) หรือในชื่อเดิม แอปเปิลคอมพิวเตอร์ (Apple Computer Inc.) เป็นบริษัทในซิลิคอนแวลลีย์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แอปเปิลปฏิวัติคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 ด้วยเครื่องแอปเปิลทู (Apple II) และแมคอินทอช (Macintosh) ในยุค 80 ปัจจุบันแอปเปิลมีชื่อเสียงด้านฮาร์ดแวร์ เช่น ไอแมค ไอพอด ไอโฟน ไอแพด และร้านขายเพลงออนไลน์ไอทูนส์
กระดาษ เป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นมาสำหรับการจดบันทึก มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เชื่อกันว่ามีการใช้กระดาษครั้งแรกๆ โดยชาวอียิปต์และชาวจีนโบราณ แต่กระดาษในยุคแรกๆ ล้วนผลิตขึ้นเพื่อการจดบันทึกด้วยกันทั้งสิ้น จึงกล่าวได้ว่าระบบการเขียนคือแรงผลักดันให้เกิดการผลิตกระดาษขึ้นในโลก[ต้องการอ้างอิง] ปัจจุบันกระดาษไม่ได้มีประโยชน์ในการใช้จดบันทึกตัวหนังสือหรือข้อความ เท่านั้น ยังใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้มากมาย เช่น กระดาษชำระ กระดาษห่อของขวัญ กระดาษลูกฟูกสำหรับทำกล่อง เป็นต้น
ที่มาเว็บไซต์ http://108like.com/computer/AMD_CPU.html
Microprocessor ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
Brand | Model | Speed | FSB | Vcore | Interface | Techonoly |
Intel | Pentium II | 233-333 MHz | 66 MHz | 2.8 V. | Slot-1 | 0.35Micron MMX L1=32K L2=512K Half Speed |
Intel | Pentium II | 350-450 MHz | 100 MHz | 2.0 V. | Slot-1 | 0.25Micron MMX L1=32K L2=512K Half Speed |
Intel | Celeron | 266-300 MHz | 66 MHz | 2.0 V. | Slot-1 | 0.25Micron MMX L1=32K no L2 |
Intel | Celeron | 300-533 MHz | 66 MHz | 2.0 V. | FC-PGA 370 / Slot-1 | 0.25 Micron MMX L1=32K L2=128K Full Speed |
Intel | Celeron II | 533-766 MHz | 66 MHz | 1.50 V. | FC-PGA 370 | 0.18Micron MMX SSE Ondie L2=128K Full Speed |
Intel | Celeron II | 800-1000 MHz | 100 MHz | 1.50 V. | FC-PGA 370 | 0.18Micron MMX SSE Ondie L2=128K Full Speed |
Intel | Celeron II - Tualatin | 1.0A-1.3A GHz | 100 MHz | 1.47 V. | FC-PGA 370 | 0.18Micron MMX SSE Ondie L2=256K Full Speed |
AMD | K6-II | 266-366 MHz | 66 MHz | 2.2 V. | Socket 7 | 0.25Micron MMX 3DNow! L1=64K |
AMD | K6-II | 350-500 MHz | 100 MHz | 2.2 V. | Socket 7 | 0.25Micron MMX 3DNow! L1=64K |
AMD | K6-III | 400-450 MHz | 100 MHz | 2.4 V. | Socket 7 | 0.25Micron MMX 3DNow! L1=64K L2=256K Full Speed |
AMD | K6-II+ | 500-550 MHz | 100 MHz | 2.0 V. | Socket 7 | 0.18Micron MMX 3DNow! L2=128K |
AMD | K6-III+ | 450 MHz | 100 MHz | 2.0 V. | Socket 7 | 0.18Micron MMX 3DNow! L2=256K |
AMD | Athlon K7 | 500-1000 MHz | 200 MHz DDR | 1.60 V. | Slot-A | 0.25Micron MMX E-3DNow! L1=128K L2=512K Half Speed |
Cyrix | C3 | 700-933 MHz | ? | ? | Socket 370 | ? |
Intel | Pentium III | 450-600 MHz | 100 MHz / 133 MHz | 2.0 V. | Slot-1 | 0.25 Micron MMX SSE L1=32K ECC L2=512K Half Speed |
Intel | Pentium III | 500-733 MHz | 100 MHz / 133 MHz | 1.65 V. | FC-PGA 370 | 0.18Micron MMX SSE Ondie L2=256K Full Speed |
Intel | Pentium III | 800-1130 MHz | 133 MHz | 1.70 V. | FC-PGA 370 | 0.18 Micron MMX SSE Ondie L2=256K Full Speed |
AMD | Duron (Spitfire) | 600-950 MHz | 200 MHz DDR | 1.60 V. | Socket A | 0.18Micron MMX E-3DNow! L1=128K L2=64K Full Speed |
AMD | Duron (Morgan) | 1.0-1.3 GHz | 200 MHz DDR | 1.60 V. | Socket A | 0.18Micron MMX E-3DNow! L1=128K L2=64K Full Speed |
AMD | Athlon (Thunder-Bird) | 700-1333 MHz | 200/266 MHz DDR | 1.70 V. | Socket A | 0.18Micron MMX E-3DNow! L1=128K L2=256K Full Speed |
Intel | Celeron W | 1.7-2.0 GHz | 400 MHz QDP | 1.70 V. | FC-PGA 423 | 0.18 Micron MMX SSE2 L2=128K Full Speed |
Intel | Pentium 4 (423) | 1.3-1.8 GHz | 400 MHz QDP | 1.70 V. | FC-PGA 423 | 0.18 Micron MMX SSE2 L2=256K Full Speed |
ที่มาของเว็บไซต์ http://srb1.go.th/kowjumpa/computer/lesson3_2.html
ส่วนประกอบของโครงสร้างภายใน Microprocessor (RISC)

แต่เดิมแนวความคิดที่จะทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วขึ้น จะใช้วิธีการเพิ่มขีดความสามารถของคำสั่ง คำสั่งหนึ่ง
จึงทำงานเพิ่มขึ้นและซับซ้อนขึ้น เช่นคำสั่งค้นหาข้อมูลในสตริงเป็นต้น ด้วยวิธีนี้ทำให้สถาปัตยกรรมเฉพาะของตัวซีพียู
ต้องสนับสนุนคำสั่งใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ประะจวบกับไซเกิลการทำงานของแต่ละคำสั่งใช้จำนวนไซเกิลไม่เท่ากัน บางคำสี่ง ทำงานเสร็จภายในไซเกิลเดียว บางคำสั่งใช้หลายไซเกิล ความคิดนี้จึงกลายมาเป็นคอมพิวเตอร์ในกลุ่ม CISC หรือ Complex Instruction Set Compter และความคิดนี้ได้พัฒนาต่อเนื่องมาเป็นลำดับจนถึงปัจจุบัน ซีพียูหลายตัว เช่น 80386, 80486 ก็ใช้แนวความคิดนี้ อีกแนวความคิดหนึ่ง ได้เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 โดยกลุ่มนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยแคริฟอร์เนีย ได้พัฒนาซีพียูที่ชื่อว่า RISC แนวความคิดนี้คือ ให้ซีพียูทำงานที่ไซเกิลแน่นอน โดยลดจำนวนคำสั่งลง ให้เหลือคำสั่ง
พื้นฐานมากที่สุด แล้วใช้หลักการไปป์ไลน์(pipeline) คือนำคำสั่งมาเรียงการทำงานแบบขนานเหลื่อมกันหรือเข้าทำงาน
แต่ละสถานีตามลำดับเรียงกันไป ทุกสถานีงานจะมีงานทำตลอดเวลา การลดจำนวนคำสั่งลงนี้เอง จึงกลายมาเป็น ซีพียู ประเภท RISC หรือ Reduce Instructionset Computer คอมพิวเตอร์แบบ RISC จึงทำงานได้เร็วและ เป็นกลไก
ที่มาเว็บไซต์ http://www.cpe.ku.ac.th/~yuen/204323/risc_vs_cisc/
ที่มาของรูปภาพ http://www.geocities.ws/micro2comed/pic8_2.jpg
ชนิดของ Microprocessor

ไมโครโปรเซสเซอร์ (MICROPROCESSOR) เป็นส่วนประกอบสำคัญในการประมวลผล กลางของคอมพิวเตอร์ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย
1. หน่วยควบคุม ( Control unit)
2. หน่วยความจำ ( Memory unit)
3. หน่วยคำนวน ( Arithmatic unit )
4. หน่วยส่งและรับสัญญาณ ( I/ O unit )
ที่มารูปภาพ http://klongsomboon.sskedarea.net/teachnonew/cpu1.jpg
ที่มาเว็บไซต์ http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=5c393e59ea4edb23
วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556
ประวัติและวิวัฒนาการ Microprocessor
ไมโครโพรเซสเซอร์เป็นผลงานที่ได้มาจากการรวบรวมแนวความคิดของนักวิทยาศาสตร์ หลายสาขา ซึ่งสาขาที่สำคัญได้แก่ สาขาคณิตศาสตร์ สาขาเครื่องกล สาขาไฟฟ้า และสาขาการคำนวณ
โดยสามารถแบ่งเป็นยุคต่าง ๆ ได้ดังนี้
1. ยุคของกลไก
2. ยุคของไฟฟ้า
3. ยุคของไมโครโพรเซสเซอร์
1. ไมโครโพรเซสเซอร์ 8088/8086คอมพิวเตอร์ IBM PC รุ่นแรกจะเป็นคอมพิวเตอร์แบบ 16 บิต โดยใช้ CPU ที่เป็นไมโครโพรเซสเซอร์เบอร์ 8088 เรียกคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ว่ารุ่น XT หรือ PC/XT ส่วนประกอบภายในจะกระทำกับข้อมูลขนาด 16 บิต จำนวน 14 ตัว โดยการประมวลผลภายในจะกระทำกับข้อมูลขนาด 16 บิต แต่การติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอก CPU จะใช้บัสข้อมูล ขนาด 8 บิต CPU รุ่นนี้จะมีสายแอดเดรสทั้งหมด 20 เส้นทำให้อ้างตำแหน่งได้ 1 MB สำหรับ CPU รุ่น 8086 โครงสร้างภายในจะเหมือนกับรุ่น 8088 แต่จะติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอกด้วยบัสข้อมูลแบบ 16 บิต จึงเรียกรุ่น 8086 ว่าเป็น 16 บิตที่แท้จริง 2. ไมโครโพรเซสเซอร์ 80286ไมโครโพรเซสเซอร์รุ่นนี้เรียกสั้น ๆ ว่า 286 เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจาก 8086 มีประสิทธิภาพสูงมากใช้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์ IBM PC/AT บัสข้อมูลของไมโครโพรเซสเซอร์รุ่นนี้เป็นแบบ 16 บิต แต่มีแอดเดรสบัส 24 เส้นทำให้อ้างตำแหน่งของ ข้อมูลได้มาก ขึ้นการทำงานของ 286 จะมีสองแบบคือแบบเรียลโหมด และแบบโปรเทคต์โหมด โดย แบบเรียลโหมดการทำงานจะเหมือนกับ 8086 อ้างหน่วยความจำได้ 1MB แต่แบบโปรเทคต์โหมดจะติดต่อกับ หน่วยความจำได้มากที่สุดเท่าที่มีหน่วยความจำต่ออยู่ แต่ ไม่เกิน 16 MB การทำงานของไมโครโพรเซสเซอร์รุ่นนี้ สามารถ ทำงานหลายโปรแกรมในเวลาเดียวกันได้ เรียกการทำงานแบบ นี้ว่า มัลติทาสกิ่ง นอกจากนี้ 286 ยังทำงานท ี่ความถี่สัญญาณที่สูงขึ้น ทำให้ CPU ทำงานได้เร็วมากขึ้น 3. ไมโครโพรเซสเซอร์ 80386เป็นรุ่นที่พัฒนาจากรุ่น 286 ให้ทำงานได้ดีขึ้นใช้สัญญาณนาฬิกาที่มีความถี่สูงขึ้น รีจิสเตอร์เป็นแบบ 32 บิต ดังนั้น การโอนย้าย ข้อมูลจะเป็นแบบ 32 บิตสามารถอ้างหน่วยความจำได้สูงถึง 4000 MB สามารถอ้างหน่วยความจำ ได้ทั้งแบบเรียลโหมด และแบบโปรเทคต์โหมด ไมโครโพรเซสเซอร์รุ่นได้ออกมาสองรุ่นคือ 80386DX และ 80386SX โดย 80386DX จะใช้บัส ข้อมูลขนาด 32 บิต บัสแอดเดรสขนาด 32 บิต ส่วน 80386SX ใช้บัสข้อมูล ภายนอกขนาด 16 บิต และใช้แอดเดรสบัสขนาด 24 บิต 4. ไมโครโพรเซสเซอร์ 80486เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจากรุ่น 386 โดยใช้สัญญาณนาฬิกาที่เร็วกว่าและมีหน่วยความจำแคชประกอบอยู่ภายใน ไมโครโพรเซสเซอร์รุ่น ได้ออกมาหลายรุ่นคือ 486DX เป็นรุ่นที่มีหน่วยประมวลผลร่วมทางคณิตศาสตร์ประกอบ อยู่ภายใน รุ่น 486SX เป็นรุ่นที่มีราคา ถูกลงโดยตัดหน่วยประมวลผลร่วมทางคณิตศาสตร์ออกไป รุ่น 486DX2 และ DX4 เป็นรุ่นที่พัฒนาให้ทำงานได้เร็วขึ้นเรียกว่า Overdrive Processor โดยจะเพิ่มความถี่ของสัญญาณนาฬิกาภายใน จากสัญญาณนาฬิกาภายนอก 2 และ 3 เท่าตามลำดับสำหรับ หน่วยความจำแคชเป็นหน่วยความจำที่ทำให้ คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วขึ้นถ้าหาก CPU ทำงานร่วมกับหน่วยความจำทั่วไปบางครั้ง CPU ทำงานได้เร็วกว่า เวลาที่หน่วยความจำทำงาน ทำให้ CPU ต้องหยุดรอในการอ่านเขียนข้อมูกับหน่วยความจำ จึงมีการ นำหน่วยความจำ แคชมาใช้ โดยแคชเป็นหน่วยความจำประเภทหนึ่งที่ทำงานได้เร็วมาก และจะมีตัวควบคุมแคช ทำหน้าที่เก็บ ข้อมูลที่ CPU ต้องการใช้บ่อย ๆ เอาไว้ เมื่อ CPU ทำงาน CPU จะหาข้อมูลในแคชก่อนถ้าไม่มีข้อมูลที่ต้องการ CPU จะไปหา ข้อมูลในหน่วยความจำ RAM ซึ่งทำงานช้ากว่าหน่วยความจำแคช 5. ไมโครโพรเซสเซอร์เพนเทียมเป็นไมโครโพรเซสเซอร์ที่ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น บัสข้อมูลในการติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอกเป็นแบบ 64 บิต สามารถอ้างหน่วยความจำได้มากขึ้น มีหน่วยความจำแคชภายในขนาดใหญ่ขึ้นในไมโครโพรเซสเซอร์จะ ทำงาน ออกเป็นสองส่วน คือ Execute Unit (EU) และ Bus Interface Unit (BIU) ดังรูป การทำงานของ EU จะทำหน้าที่ ประมวลผล รหัสคำสั่งและข้อมูลที่ได้รับมาจาก BIU การเปลี่ยนแปลงหรือการกระทำกับข้อมูลใด ๆ จะต้องเกิดจากส่วย EU จะประกอบ ด้วยรีจิสเตอร์ที่ใช้งานทั่วไปได้แก่ AX, BX, CX, DX สแตกพอยน์เตอร์ (SP) เบสพอยน์เตอร์ (BP) ซอร์สอินเด็กซ์ (SI) เดสทิเนชันอินเด็กซ์ (DI) รีจีสเตอร์แฟลก หน่วยควบคุม รวมทั้งหน่วยประมวลผลทางคณิตศาสตร์และลอจิกที่เรียกว่า ALU ส่วน BIU จะทำหน้าที่เชื่อมต่อบัสในการส่งข้อมูล ต่าง ๆ ควบคุมการเข้าถึงหน่วยความจำและการติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอกต่าง ๆ ของตัวไมโครโพรเซสเซอร์ ประกอบด้วย หน่วยควบคุมบัส รีจิสเตอร์เซกเมนต์ วงจรลอจิกที่ใช้อ้างตำแหน่งหน่วยความจำ เป็นต้น ในโพรเซส เซอร์โมเดลเราจะเห็นว่าประกอบด้วยรีจิสเตอร์ต่าง ๆ มากมาย โดยรีจิสเตอร์หมายถึงหน่วยเก็บข้อมูลชั่วคราว ที่มีหน้าท ี่เฉพาะภายในไมโครโพรเซสเซอร์
ที่มาเว็บไซต์ http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=77b772fc33a733bb
โดยสามารถแบ่งเป็นยุคต่าง ๆ ได้ดังนี้
1. ยุคของกลไก
2. ยุคของไฟฟ้า
3. ยุคของไมโครโพรเซสเซอร์
1. ไมโครโพรเซสเซอร์ 8088/8086คอมพิวเตอร์ IBM PC รุ่นแรกจะเป็นคอมพิวเตอร์แบบ 16 บิต โดยใช้ CPU ที่เป็นไมโครโพรเซสเซอร์เบอร์ 8088 เรียกคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ว่ารุ่น XT หรือ PC/XT ส่วนประกอบภายในจะกระทำกับข้อมูลขนาด 16 บิต จำนวน 14 ตัว โดยการประมวลผลภายในจะกระทำกับข้อมูลขนาด 16 บิต แต่การติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอก CPU จะใช้บัสข้อมูล ขนาด 8 บิต CPU รุ่นนี้จะมีสายแอดเดรสทั้งหมด 20 เส้นทำให้อ้างตำแหน่งได้ 1 MB สำหรับ CPU รุ่น 8086 โครงสร้างภายในจะเหมือนกับรุ่น 8088 แต่จะติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอกด้วยบัสข้อมูลแบบ 16 บิต จึงเรียกรุ่น 8086 ว่าเป็น 16 บิตที่แท้จริง 2. ไมโครโพรเซสเซอร์ 80286ไมโครโพรเซสเซอร์รุ่นนี้เรียกสั้น ๆ ว่า 286 เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจาก 8086 มีประสิทธิภาพสูงมากใช้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์ IBM PC/AT บัสข้อมูลของไมโครโพรเซสเซอร์รุ่นนี้เป็นแบบ 16 บิต แต่มีแอดเดรสบัส 24 เส้นทำให้อ้างตำแหน่งของ ข้อมูลได้มาก ขึ้นการทำงานของ 286 จะมีสองแบบคือแบบเรียลโหมด และแบบโปรเทคต์โหมด โดย แบบเรียลโหมดการทำงานจะเหมือนกับ 8086 อ้างหน่วยความจำได้ 1MB แต่แบบโปรเทคต์โหมดจะติดต่อกับ หน่วยความจำได้มากที่สุดเท่าที่มีหน่วยความจำต่ออยู่ แต่ ไม่เกิน 16 MB การทำงานของไมโครโพรเซสเซอร์รุ่นนี้ สามารถ ทำงานหลายโปรแกรมในเวลาเดียวกันได้ เรียกการทำงานแบบ นี้ว่า มัลติทาสกิ่ง นอกจากนี้ 286 ยังทำงานท ี่ความถี่สัญญาณที่สูงขึ้น ทำให้ CPU ทำงานได้เร็วมากขึ้น 3. ไมโครโพรเซสเซอร์ 80386เป็นรุ่นที่พัฒนาจากรุ่น 286 ให้ทำงานได้ดีขึ้นใช้สัญญาณนาฬิกาที่มีความถี่สูงขึ้น รีจิสเตอร์เป็นแบบ 32 บิต ดังนั้น การโอนย้าย ข้อมูลจะเป็นแบบ 32 บิตสามารถอ้างหน่วยความจำได้สูงถึง 4000 MB สามารถอ้างหน่วยความจำ ได้ทั้งแบบเรียลโหมด และแบบโปรเทคต์โหมด ไมโครโพรเซสเซอร์รุ่นได้ออกมาสองรุ่นคือ 80386DX และ 80386SX โดย 80386DX จะใช้บัส ข้อมูลขนาด 32 บิต บัสแอดเดรสขนาด 32 บิต ส่วน 80386SX ใช้บัสข้อมูล ภายนอกขนาด 16 บิต และใช้แอดเดรสบัสขนาด 24 บิต 4. ไมโครโพรเซสเซอร์ 80486เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจากรุ่น 386 โดยใช้สัญญาณนาฬิกาที่เร็วกว่าและมีหน่วยความจำแคชประกอบอยู่ภายใน ไมโครโพรเซสเซอร์รุ่น ได้ออกมาหลายรุ่นคือ 486DX เป็นรุ่นที่มีหน่วยประมวลผลร่วมทางคณิตศาสตร์ประกอบ อยู่ภายใน รุ่น 486SX เป็นรุ่นที่มีราคา ถูกลงโดยตัดหน่วยประมวลผลร่วมทางคณิตศาสตร์ออกไป รุ่น 486DX2 และ DX4 เป็นรุ่นที่พัฒนาให้ทำงานได้เร็วขึ้นเรียกว่า Overdrive Processor โดยจะเพิ่มความถี่ของสัญญาณนาฬิกาภายใน จากสัญญาณนาฬิกาภายนอก 2 และ 3 เท่าตามลำดับสำหรับ หน่วยความจำแคชเป็นหน่วยความจำที่ทำให้ คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วขึ้นถ้าหาก CPU ทำงานร่วมกับหน่วยความจำทั่วไปบางครั้ง CPU ทำงานได้เร็วกว่า เวลาที่หน่วยความจำทำงาน ทำให้ CPU ต้องหยุดรอในการอ่านเขียนข้อมูกับหน่วยความจำ จึงมีการ นำหน่วยความจำ แคชมาใช้ โดยแคชเป็นหน่วยความจำประเภทหนึ่งที่ทำงานได้เร็วมาก และจะมีตัวควบคุมแคช ทำหน้าที่เก็บ ข้อมูลที่ CPU ต้องการใช้บ่อย ๆ เอาไว้ เมื่อ CPU ทำงาน CPU จะหาข้อมูลในแคชก่อนถ้าไม่มีข้อมูลที่ต้องการ CPU จะไปหา ข้อมูลในหน่วยความจำ RAM ซึ่งทำงานช้ากว่าหน่วยความจำแคช 5. ไมโครโพรเซสเซอร์เพนเทียมเป็นไมโครโพรเซสเซอร์ที่ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น บัสข้อมูลในการติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอกเป็นแบบ 64 บิต สามารถอ้างหน่วยความจำได้มากขึ้น มีหน่วยความจำแคชภายในขนาดใหญ่ขึ้นในไมโครโพรเซสเซอร์จะ ทำงาน ออกเป็นสองส่วน คือ Execute Unit (EU) และ Bus Interface Unit (BIU) ดังรูป การทำงานของ EU จะทำหน้าที่ ประมวลผล รหัสคำสั่งและข้อมูลที่ได้รับมาจาก BIU การเปลี่ยนแปลงหรือการกระทำกับข้อมูลใด ๆ จะต้องเกิดจากส่วย EU จะประกอบ ด้วยรีจิสเตอร์ที่ใช้งานทั่วไปได้แก่ AX, BX, CX, DX สแตกพอยน์เตอร์ (SP) เบสพอยน์เตอร์ (BP) ซอร์สอินเด็กซ์ (SI) เดสทิเนชันอินเด็กซ์ (DI) รีจีสเตอร์แฟลก หน่วยควบคุม รวมทั้งหน่วยประมวลผลทางคณิตศาสตร์และลอจิกที่เรียกว่า ALU ส่วน BIU จะทำหน้าที่เชื่อมต่อบัสในการส่งข้อมูล ต่าง ๆ ควบคุมการเข้าถึงหน่วยความจำและการติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอกต่าง ๆ ของตัวไมโครโพรเซสเซอร์ ประกอบด้วย หน่วยควบคุมบัส รีจิสเตอร์เซกเมนต์ วงจรลอจิกที่ใช้อ้างตำแหน่งหน่วยความจำ เป็นต้น ในโพรเซส เซอร์โมเดลเราจะเห็นว่าประกอบด้วยรีจิสเตอร์ต่าง ๆ มากมาย โดยรีจิสเตอร์หมายถึงหน่วยเก็บข้อมูลชั่วคราว ที่มีหน้าท ี่เฉพาะภายในไมโครโพรเซสเซอร์
ที่มาเว็บไซต์ http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=77b772fc33a733bb
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)